เมล็ดกาแฟคั่ว

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกเครื่องคั่วกาแฟแบบถังหมุน (Drum)

he-ply-coffee-roaster-เมล็ดกาแฟคั่ว-โรงคั่วกาแฟเดอะพลาย

1. ชนิดของเครื่องคั่วกาแฟ
เครื่องคั่วกาแฟแบ่งตามชนิดของการให้ความร้อนได้ดังนี้

– Direct fire roaster
เป็นการให้ความร้อนจะให้กับเมล็ดกาแฟโดยตรงผ่านทางรูของตัวถังคั่ว ตามรูป ถ้าให้ความร็อนไม่ถูกต้องอาจทำให้เมล็ดกาแฟด้านนอกสุกเกินไปแต่ด้านในยังไม่สุก ทำให้ยากต่อการควบคุม

– Half fire roaster

The-Ply-Coffee-Roaster-half-hotair-coffee-roaster

The-Ply-Coffee-Roaster-half-hot air-coffee-roaster

จะมีรูที่ด้านหัวถังและก้นถังคั่ว ความร้อนจะไม่ถูกตัวเมล็ดกาแฟโดยตรงแต่จะส่งไปเป็นลมร้อนผ่านทางตัวถังและรูของถังด้านท้าย ทำให้สามารถคั่วกาแฟได้มีความสุกเท่ากันทั้งนอกและในได้ ถ้าให้ความร้อนที่ถูกต้อง

– Hot air roaster

เดอะพลาย-คอฟฟี่-hot-air-roaster.

เดอะพลาย-คอฟฟี่-hot-air-roaster.

เครื่องคั่วกาแฟแบบนี้ทำให้สามารถคั่วกาแฟได้ง่ายกว่าและได้ความร้อนที่มากและเสถียรกว่า

– Infrared roaster

The-Ply-coffee-Roaster-Infrared-coffee-roaster.

The-Ply-coffee-Roaster-Infrared-coffee-roaster.

การให้ความร้อนของเครื่องคั่วกาแฟโดยใช้คลื่น Infrared จากภายในถังคั่วกาแฟ เครื่องคั่วแบบนี้จะทำให้ไม่มีกลิ่นไหม้ของแกลบ และจะมีควันน้อย การให้ความร้อนแบบนี้จะทำให้ทั้งด้านนอกและด้านในของเมล็ดกาแฟสุกเสมอกัน

2. ราคา
ราคาไม่สูงเกินไปและมีความยืดหยุ่นในการปรับ function ต่างๆ ของเครื่องคั่วกาแฟ เมื่อคั่วออกมาแล้วสามารถที่จะได้กาแฟที่มีคุณภาพดี
เช่น สามารถเก็บ profile ในการคั่วได้ ปรับความเร็วการหมุนของุถังได้ ปรับแรงดูดของ Airflow ได้ เป็นต้น

3. ความจุในการคั่วแต่ละครั้ง

ความจุของเครื่องคั่วกาแฟมีความสำคัญมากในการพิจารณาที่จะซื้อ เครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็ก กลาง หรือ ใหญ่ เพราะถ้าเป็นเครื่องคั่วกาแฟขนาดใหญ่ ในการคั่วแต่ละครั้งจะต้องใส่กาแฟเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยอาจจะหนึ่งในสามหรือครึ่งหนึ่งของความจุ เพื่อให้ความร้อนและอุณหภูมิ คงที่และได้คุณภาพของเมล็ดกาแฟคั่วตามมาตรฐานที่ต้องการ

4. Profile recording
เครื่องคั่วกาแฟควรจะสามารถต่อเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเก็บ profile ในการคั่วได้ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุง profile การคั่วกาแฟให้ดีขึ้น และเพื่อให้การคั่วครั้งต่อไปให้เหมือนกับ profile ที่ตั้งไว้

5. ความหนาของถังคั่ว
ซึ่งตรงนี้จะมีผลมากกับรสชาติของกาแฟ เครื่องคั่วกาแฟที่ดีจะต้องมีถังคั่วที่มีความหนาพอเหมาะ ไม่บางเกินไปหรือหนาเกินไปโดยทั่วไปจะใช้ 0.5-1.00 มม

6. วัสดุที่ใช้ทำถังคั่ว
ทำจากสแตนเลส หรือทำจากเหล็กหล่อ (Cast iron) ซึ่ง Cast iron จะนำความร้อนได้ดีกว่า 3 เท่า ดังนั่้นวัสดุที่ใช้ทำถังคั่วจะให้ความร้อนที่แตกต่างกันซึ่งจะมีผลทำให้ได้รสชาติของเมล็ดกาแฟคั่วต่างกัน

7. ความเร็วของการหมุนของถัง
ความเร็วของการหมุนของถัง มีผลต่อรสชาติของเมล็ดกาแฟ และการควบคุมอุณหภูมิของการคั่วในกรณีของต้องการเพิ่มหรือลดการคั่วแบบ Conduction หรือ Convection
เครื่องคั่วกาแฟควรจะมีความยืดหยุ่นในการปรับความเร็วของการหมุนของถ้ง

8. การให้ความร้อน หรือ burner
Burner ควรจะมีความทนทานและการเพิ่มหรือลด ความร้อนควรจะทำได้รวดเร็วเพียงพอเพื่ออัตราของการเพิ่มของอุณหภูมิมากขึ้นหรือน้อยลงตามความต้องการ ซึ่งมีทั้งแบบใช้ ไฟฟ้า ใช้แก๊ส และ Infrared

9. Damper สำหรับ ดูดควัน เปลือกกาแฟ
เครื่องคั่วกาแฟที่ดี ต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับ Airflow โดยปกติจะมี วาวล์ที่เรียกว่า Butterfly ในการปรับแรงลม หรือ สามารถเปรับแรงดูดของลม ได้เบาและแรงได้ตามต้องการ

10. ตัวเก็บฝุ่นและแกลบ (Chaff)
ระหว่างที่คั่วกาแฟจะมีฝุ่นหรือแกลบหลุดออกมาจากเมล็ดกาแฟ ดังนั้นเครื่องคั่วกาแฟควรจะมีตัวเก็บฝุ่นหรือแกลบเหล่านี้ เรียกว่า cyclone